วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สำคัญยังไง ใครที่เหมาะสมที่ต้องกินสาหร่ายเกลียวทอง


สำคัญยังไง ใครที่เหมาะสม

- เหนื่อยง่าย

- เป็นหวัดง่าย วิงเวียนศรีษะอยู่เสม

- รู้สึกเจ็บถึงกระดูกเมื่อกดเนื้อเบาๆ

 - กินผักสีเขียวหรือผักสีเหลืองไม่เพียงพอ   

- ไม่รับประทานอาหารเช้า

- กำลังอดอาหารเพื่อลดความอ้วน

- ชอบหรือไม่ชอบอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งอย่างรุนแรง

- มีอาการท้องผูกเป็นประจำ

-ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานทานได้ ปรับน้ำตาลให้สมดุลต่อร่างกาย

-สารอาหารครบถ้วน#มีสารต้านอนุมูลอิสระ

-หอบหืด,โลหิตจาง,ขาดธาตุเหล็ก

-อาการวัยทอง นอนไม่หลั

GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina   GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina
GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina
GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina GD1 สหหร่ายเกลียวทอง spirulina

วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อะไรที่ดีก็เล่าสู่กันฟังกับGD1สาหร่ายเกรียวทอง


ัจจุบันสาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นผลิตภัณฑ์ อาหารกว่า 70 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งองค์การอนามัยโลกได้แนะนำว่า สาหร่ายสไป รูลิน่า เป็นอาหารที่ปลอดภัยจากสารพิษ และมีคุณค่าทางอาหารไม่มีสารตกค้าง สามารถใช้บริโภคได้อย่างดี มีรายงานผล การวิจัยอย่างมากมายว่าสไปรูลิน่าสามารถ ช่วยบังเกิดผลดีต่อการบำรุงและเสริมการ รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น - เป็นอาหารสมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น - ลดโคเลสเตอรอล ลดน้ำตาลในเลือด โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความ ดันสูง - บำรุงผิวพรรณให้สดใส เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ - ช่วยลดความเครียดและความไม่ สมดุลของร่างกาย - ลดกรดและช่วยเคลือบแผลใน กระเพาะอาหาร - ป้องกันเซลล์ตับไม่ให้ถูกทำลายจาก พิษของแอลกอฮอล์ - ป้องกันและรักษาอาการเมาค้าง - ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง - ระงับการลุกลามของโรคตา อาทิเช่น ตามัว ต้อหิน ต้อกระจก - เป็นอาหารเสริมสำหรับนักกีฬา เพื่อ เพิ่มพละกำลังที่ต้องเสียพลังงานกับการออก กำลังกาย - ช่วยรักษารูปร่างและทรวดทรงให้ สมส่วน เป็นต้น สไปรูลิน่าจึงเป็นอาหารที่ทรงคุณค่า เหมาะสำหรับทุกคนโดยแท้จริง และใน ปัจจุบันบ้านเรา นอกจากเพาะพันธุ์สาหร่าย สไปรูลิน่ากันได้แล้วยังสามารถสกัดเป็น แคปซูลเพื่อการใช้งานได้รวดเร็วขึ้น ทำให้คน ไทยมีทางเลือกเพื่อสุขภาพกันอีกทางหนึ่ง

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สาหร่ายเกลียวทอง บำรุงสุขภาพ เบาหวานก็ทานได้


ผู้ป่วยเบาหวาน คนที่ต้องการลดน้ำหนัก ผู้ที่ต้องการเพิ่มน้ำหนัก ผอม กินไรก็ไม่อ้วน ผู้ป่วยทานไรไม่ค่อยได้ คนที่ทานเจ ปลอดภัยเป็นสาหร่ายอัดเม็ด เด็กที่ไม่ทานผัก คนที่ไม่มีเวลาทานอาหารให้ครบ5หมู่

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีการรับประทาน สาหร่ายเกลียวทองที่ถูกต้อง

วิธีการรับประทาน สาหร่ายเกลียวทองที่ถูกต้อง

ตื่นเช้าทาน 5 เม็ด พร้อมน้ำ 2 แก้ว ตามหลักนาฬิกาชีวิต 7.00-9.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ลมปราณชิวิตวิ่งผ่านกระเพาะอาหาร หากทานอาหารช่วงนี้ จะมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสุขภาพมากที่สุด ดั่งคำกล่าวที่ว่า อาหารเช้าต้องทานอย่างพระราชา (หนักเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงมื้อเย็น) ส่วนน้ำ 2 แก้วที่ทานพร้อมสาหร่ายเกลียวทอง จะช่วยขับของเสียออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะ ,อุจจาระ และทำให้เลือดไม่ข้น ลดภาระการทำงานของหัวใจ อีกทั้งน้ำยังพัดพาจุลินทรีย์ที่อยู่ในช่องปาก ลงสู่กระเพาะอาหาร กระตุ้นให้กระเพาะอาหารผลิตน้ำย่อย เพื่อรับมือกับอาหารมื้อต่อไป ...เมื่อตื่นเช้า ร่างกายได้รับสารอาหารที่ดีเข้า และ ของเสียถูกขับออก ร่างกายก็พร้อมรับวันใหม่ด้วยความรู้สึกสดชื่นแข็งแรง ...^_^
สาหร่ายเกลียวทอง ยาวิเศษขนานแท้


ขอบคุณข้อมูลจาก (ผู้จัดการออนไลน์ - น.ส.พ.ผู้จัดการรายวัน)

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สาหร่ายเกลียวทอง มี กรดอะมิโน ทั้ง 18 ชนิด

สาหร่ายเกลียวทอง ยังประกอบไปด้วย กรดอะมิโน ที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น ซึ่งในสาหร่ายเกลียวทอง มี กรดอะมิโน ทั้ง 18 ชนิด ที่ร่างกายต้องการดังนี้คือ



  • ไอโซลิวซีน จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต และพัฒนาการเรียนรู้ (IQ) 
  • ลิวซีน กระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มกำลังให้กล้ามเนื้อ ช่วยให้เซลล์ประสาทแข็งแรงขึ้น 
  • ไลซีน ทำให้ระบบเส้นเลือดแดงแข็งแรง ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ 
  • เมไทโอนีน บำรุงรักษาตับ ต้านความเครียด ทำให้ประสาทผ่อนคลาย 
  • เฟนนิลอะลานีน ใช้สร้างไทรอกซิน กระตุ้นกอัตราการย่อย และสลายอาหารเพื่อเป็นพลังงาน 
  • ทรีโอนีน ทำให้ลำไส้ทำงานดีขึ้นเพิ่มการดูดซึม 
  • แวลี ช่วยกระตุ้นความจำ 
  • อะลานีน ทำให้ผนังเซลล์แข็งแรง 
  • แอสพาร์ติก ช่วยเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล 
  • อาร์จินีน เป็นส่วนประกอบของน้ำเชื้อเพศชาย และช่วยในการกำจัดสารพิษ 
  • ทริพโตเฟน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของวิตามินบี จิตใจเยือกเย็นสงบ 
  • กลูตามิก นำกลูโคสเข้าสู่เซลล์สมอง ช่วยลดพิษอัลกอฮอล์ และช่วยทำให้มีสติ 
  • อีสติตีน ช่วยให้การส่งผ่านความรู้สึกของระบบประสาทดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องหู 
  • ซีลีน ช่วยในการสร้างเยื่อหุ้มรอบเส้นประสาท เพื่อป้องกันอันตรายในเส้นประสาท 
  • ซีสทีน บำรุงตับอ่อน ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด 
  • โปรตีน เป็นสารต้นตอของกลูตามิกแอซิด 
  • กลัยซีน เพิ่มพลังงานและการใช้ออกซิเจนของเซลล์ 
  • ไทโรซีน ชะลอความแก่ของเซลล์

ที่มาที่ไป สาหร่ายGD1 แบบน้ำจิ้ม


สไปรูไลนา เป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์หรือเป็นอาหารเสริมซึ่งผลิตจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินสองชนิด คือ Arthrospira platensis และ Arthrospira maxima

ประโยชน์และโทษที่อาจเกิดแก่สุขภาพ

สไปรูไลนามีฟีนิลอะลานีน ซึ่งควรหลีกเลี่ยงในผู้ที่มีอาการผิดปกติของเมตาโบลิซึม ที่ชื่อ ฟีนิลคีโตนูเรีย โดยร่างกายไม่สามารถเผาผลาญกรดอะมิโนชนิดดังกล่าวได้ ทำให้กรดอะมิโนไปสะสมอยู่ในสมอง ซึ่งทำให้เกิดความเสียหาย] เนื่องจากสไปรูไลนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาจึงไม่ได้วางระเบียบคุ้มครองและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ สไปรูไลนาเป็นสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินแบบหนึ่ง ซึ่งทราบกันว่ามีบางชนิดที่ผลิตพิษ อาทิ ไมโครซิสติน, BMAA และอื่น ๆ ปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานใดมาวางระเบียบความปลอดภัยของสไปรูไลนา

การวิจัยสภาพแวดล้อมเทียม

สไปรูไลนาสกัดการถ่ายแบบเอชไอวี ในทีเซลล์ของมนุษย์, เม็ดเลือดขาวชนิดเซลล์เดียว (PBMC) และเซลล์แลงเกอร์ฮานส์
ในการศึกษาสภาพแวดล้อมเทียมใน พ.ศ. 2551 สรุปว่าสไปรูไลนาอาจมีคุณสมบัติคีเลชั่นอย่างเหล็ก เซลล์นิวโรบลาสโตมาของมนุษย์ถูกรักษาโดยเหล็กในปริมาณที่เป็นพิษ จากนั้นจึงค่อยรักษาด้วยสไปรูไลนา เมื่อรักษาแล้ว ภาวะอนุมูลอิสระเกิน (oxidative stress) ที่เกิดจากเหล็กนั้นก็ลดลง

การวิจัยในสัตว์

สไปรูไลนาช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย (heart damamge) จากเคมีบำบัดโดยใช้ดอกโซรูบิซิน โดยไม่เข้าไปแทรกแซงกิจกรรมออกฤทธิ์ต้านเนื้องอกของยาเลย  สไปรูไลนายังลดความรุนแรงของโรคหลอดเลือดสมองและช่วยฟื้นฟูการควบคุมการเคลื่อนไหวหลังเกิดโรค ลดความเสื่อมถอยของความจำและการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องกับอายุ  ตลอดจนป้องกันและรักษาไข้ละอองฟาง
การศึกษาเมตาบอลิซึมในหนูชี้ว่า สไปรูไลนามีผลกระทบน้อยมากต่อเมตาบอลิซึมของพวกมัน และดังนั้นจึงอาจมีผลอย่างเดียวกันในมนุษย์ด้วย
การศึกษากับหนูที่ป่วยเบาหวาน สรุปว่า Spirulina maxima มีประสิทธิภาพในการแก้ไขเมตาบอลิซึมคาร์บอไฮเดรตและลิพิดที่ผิดปกติ ซึ่งเกิดจากฟรักโทสเกินในร่างกาย
การศึกษา พ.ศ. 2553 สรุปว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสไปรูไลนาแสดงให้เห็นว่า ชะลออาการของระบบกล้ามเนื้อระยะเริ่มต้นและพัฒนาการของโรค ลดตัวชี้วัดสภาวะการอักเสบและเซลล์ประสาทสั่งการตายในหนูต้นแบบโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง

การวิจัยในมนุษย์

ในเด็กโรคขาดสารอาหาร ไม่ว่าจะติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ก็ตาม พบว่าสไปรูไลนาเพิ่มน้ำหนักและแก้ไขภาวะโลหิตจางได้ ยังมีรายงานด้วยว่าสไปรูไลนาเป็นการบำบัดเมลาโนซิสและเคราโทซิสเนื่องจากการได้รับพิษสารหนูเรื้อรัง
การศึกษาใน พ.ศ. 2548 พบว่า สไปรูไลนาสามารถป้องกันไข้ละอองฟางได้  การศึกษาใหม่กว่าที่เป็นแบบปิดสองทางและมียาหลอกเป็นตัวควบคุม (double blind, placebo controlled) ใน พ.ศ. 2551 ในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้จมูก 150 คน พบว่า Spirulina platensis สามารถลดการหลั่งอินเตอร์ลิวคิน-4 ที่เป็นเหตุให้เกิดการอักเสบ ได้ 32% และผู้ป่วยมีอาการบรรเทาลง  ยิ่งไปกว่านั้น สไปรูไลนาถูกพบว่าลดการอักเสบที่เกี่ยวกับภาวะข้ออักเสบในผู้ป่วยสูงอายุ โดยกระตุ้นการหลั่งอินเตอร์ลิวติน-2 ซึ่งช่วยควบคุมการตอบสนองการอักเสบ
การศึกษา พ.ศ. 2550 พบว่า อาสาสมัคร 36 คนที่ได้รับสไปรูไลนา 4.5 กรัมต่อวัน เป็นเวลานานกว่าหกสัปดาห์ มีความเปลี่ยนแปลงในคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตอย่างสำคัญ คือ  ลดคอเลสตอรอลรวม เพิ่ม HDL คอเลสเตอรอลลดไตรกลีเซอไรด์ และ ลดความดันโลหิตทั้งขณะบีบและคลาย  อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ไม่มีกลุ่มควบคุม นักวิจัยจึงไม่อาจมั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้นี่เป็นผลทั้งหมด หรือแม้กระทั่งบางส่วน ของการได้รับ Spirulina maxima ซึ่งตรงกันข้ามกับตัวแปรรบกวน (นั่นคือ ความตรงภายในและคุณลักษณะอุปสงค์) การศึกษาแบบสุ่ม อำพรางสองฝ่าย และมีการแทรกแซงด้วยยาหลอก (randomized, double-blind, placebo-controlled intervention) ในผู้ป่วยสูงอายุพบว่า สไปรูไลนาช่วยลดอัตราส่วน LDL ต่อ HDL ลงอย่างมากหลังได้รับเป็นเวลาสี่เดือน
การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งใน พ.ศ. 2550 สรุปว่าสไปรูไลนาพัฒนาศักยะต้านอนุมูลอิสระในผู้ป่วยสูงอายุหลายคนซึ่งได้รับการให้สไปรูไลนาเป็นเวลา 16 สัปดาห์ พลาสมาของผู้ป่วยเหล่านี้แสดงให้เห็นระดับที่เพิ่มขึ้นของสถานะต้านอนุมูลอิสระ การศึกษาแบบปิดสองทางและมียาหลอกเป็นตัวควบคุมใน พ.ศ. 2549 พบว่า การให้สไปรูไลนาเป็นกสารเสริมลดปริมาณของเอตินไคเนส (ตัวชี้วัดภาวะการสูญเสียกล้ามเนื้อ) ในบุคคลหลังออกกำลังกาย ยิ่งไปกว่านั้น เวลาของกลุ่มทดลองที่จะเหนื่อยระหว่างการวิ่งบนสายพานเพิ่มขึ้น 52 วินาที ซึ่งผลกระทบเหล่านี้คาดกันว่าเป็นศักยะต้านอนุมูลอิสระของสไปรูไลนา